02 สิงหาคม 2551

อิฑา

อิฑา (อิลา) พระมนูไววัสวัต กัษตริย์องค์แรกของโลก เป็นผู้ไร้โอรสและธิดา ท้าวเธอมีความร้อนรนในเรื่องนี้มาก จึงขอความอนุเคราะห์จากพระ ฤษีอคัสตยะ ผู้เป็นอาจารย์ พระมหามุนีเป็นโอรสของพระวรุณเทพเจ้าและนางอัปสรอุรวศี ดังนั้นจึงทำมหายัชญพิธีบูชาพระวรุณและพระมิตรผู้เป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่คู่กับพระวรุณผู้เป็นบิดา การทำพิธีขอบุตรดำเนินไปได้หนึ่งเดือน บังเอิญคืนหนึ่ง พระอคัสตยมุนี เผลอไผลเข้าสู่นิทราไปชั่วขณะหนึ่งในขณะร่ายพระเวท ทำให้พิธีนั้นบกพร่อง เมื่อสิ้นสุดพิธีปรากฎว่าได้เด็กหญิงคนหนึ่งจากกองไฟ พระมนูรับเด็กหญิงผู้นั้นเป็นราชธิดานามว่า อิฑา หรือ อิลา พระราชามีความเศร้าใจเป็นยิ่งนัก แม้จะได้ราชธิดาองค์หนึ่งแต่ยังไม่สมความตั้งใจ เพราะอยากได้โอรสไว้สืบตระกูลมากกว่า จึงปรึกษากับพระวสิษฐ์พรหมฤษี ผู้เป็นโอรสของพระมิตรกับนางอุรวศีว่าจะทำฉันใดดี พระฤษีวสิษฐ์ผู้เป็นน้องร่วมมารดาเดียวกับพระอคัสตยมุนีจึงทำพิธีบูชาพระมิตรและพระวรุณอีกครั้ง เปลี่ยนเพศอิฑากุมารีให้เป็นเพศชาย และให้ชื่อว่า สุทยุมน์ สุทยุมน์ราชกุมารเจริญวัยเป็นเจ้าชายหนุ่มผู้ทรงโฉมงดงาม หาบุรุษใดในแผ่นดินเสมอเหมือนได้ พระสุทยุมน์โฉมงามชอบการล่าสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ พาบริวารออกไล่ล่าสัตว์ป่าเป็นกิจวัตร ครั้งหนึ่ง เสด็จตามกวางไปไกลกว่าทุกคราว ในที่สุดหลงเข้าไปสู่สวนขวัญของพระอุมาเทวีที่ตั้งอยู่เชิงเขาไกรลาส และพระอุทยานนั้นเป็นที่หวงห้ามมิให้ผู้ใดกล้ำกรายเข้าไป เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพระศิวะเป็นเจ้าและพระมหาเทวีใช้เป็นที่พักผ่อนสำเริงสำราญพระทัยด้วยกัน มิต้องการให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน ครั้งหนึ่ง พระฤษีสุนกะพร้อมด้วยบริวารหลงเดินผ่านเข้าไปเพื่อหวังเฝ้าพระเป็นเจ้าตามปกติ บังเอิญเป็นวเลาที่พระมเหศวรและพระมเหศวรีทรงสำราญพระทัยอยู่ด้วยกันในพระตำหนักรโหฐาน พระเป็นเจ้าทรงขัดเคืองเป็นอันมาก ตรัสสาปสรรไว้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาว่า บุรุษใดบังอาจล่วงล้ำเข้าไปในเขตสวนขวัญนี้ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม จะต้องกลายเป็นนารีไปทันที พระสุทยุมน์พร้อมด้วยบริพารหลงเข้าสู่สวนขวัญโดนไม่รู้ตัว พลันร่างก็กลับกลายเป็นนารีรูปงาม และข้าราชบริพารก็กลายร่างเป็นหญิงเช่นเดียวกัน เจ้าชายหนุ่มตกใจมาก เมื่อพระองค์ต้องกลายเป็นนางอิฑา ไปอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความเศร้าเสียใจในเคราะห์กรรมเป็นล้นพ้น พระองค์ก็เสด็จระเหระหนซมซานเตลิดไปในป่ามิรู้เหนือรู้ใต้ จนในที่สุดมาถึงทะเลสาบน้อยแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในระหว่างขุนเขาอันโอบล้อมไว้โดยรอบ เป็นที่งามประหลาดชวนพิศวง บรรยากาศโดยรอบมีแต่ความงามและความสงบราวกับอยู่อีกโลกหนึ่งที่เป็นความฝันอันวิจิตร อิฑาพร้อมด้วยบริวารซึ่งบัดนี้แปรสภาพเป็นสาวสรรกำนัลนางไปแล้ว เดินทางมาถึงฝั่งทะเลสาบเมื่อเวลาบ่ายคล้อย ดวงสูรยะใกล้จะลับเหลี่ยมเขา ทอแสงสู่ผืนน้ำระยิบระยับเป็นสีทองแกมแสด บัวโกกนุท (๑) สีแดงสะพรั่งกำลังจะหุบกลีบอีกครั้งหนึ่งด้วยใกล้จะถึงเวลาราตรี อิฑาทรุดลงนั่งบนหาดทรายสีขาวนวลริมฝั่งทะเลสาบด้วยความเหนื่อยอ่อน นางพักเหนื่อยชั่วครู่แล้วก็ลุกขึ้นยืน พนักหน้ากล่าวแก่บริวารว่า “ลงอาบน้ำกันเถอะ น้ำใสสะอาดน่าเล่นดีนัก” นางเปลื้องผ้าอาภรณ์แล้วก็โผลงสู่ผืนน้ำ แหวกว่ายไปมาอย่างสำราญใจ นางทั้งหลายผู้เป็นบริวารก็เริ่งเล่นไล่จับกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวน้อยทั้งหลายดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ณ ภายใต้สายน้ำสีเขียวปานมรกต อันลึกสุดหยั่งแห่งทะเลสาบนั้นเอง เป็นที่ตั้งปราสาททองคำอันเพริศพรายของ พระพุธ ผู้เป็นโอรสของพระจันทร์ และนางดารา พระพุธเทพมุนีใช้ปราสาทใต้น้ำนี้เป็นที่บำเพ็ญพรตภาวนาเข้าฌานสมาธิมิได้ขาด และในวาระนั้นเอง พระพุธเทพฤษีกำลังนั่งสงบสำรวมจิตเป็นสมาธิอยู่ ก็พลันสะดุ้งหวั่นไหวทันทีเพราะเสียงสรวลเสและแรงกระทุ่มน้ำจากกลุ่มบริวารของอิฑา พระพุธลืมตาขึ้นทันที เหลือบแลไปเบื้องบนก็ประสบภาพสาวน้อยกำลังเล่นระเริงรื่นอยู่ และในท่ามกลางเหล่ากัญญาพวกนั้น พระองค์ก็จับทิพยเนตรแน่วแน่อยู่ที่นางหนึ่งซึ่งสุดโสภากว่าใคร คือนางอิฑา และบังเกิดความรักลุ่มหลงในตัวนางทันที พระเทพมุนีออกจากปราสาท โผขึ้นสู่ผิวน้ำและโอบอุ้มนางอิฑาไว้ในอ้อมกอด พานางลงไปสู่ทิพยวิมานใต้น้ำ ด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ ไม่ทันที่นางบริวารทั้งหลายจะปกป้องได้ทัน นางเหล่านั้นเห็นเหตุการณ์เกิดขึ้นเฉพาะหน้ารวดเร็วเกิดกว่าจะคาดถึงก็ตกตะลึงพรึงเพริด พอได้สติก็ชุลมุนกันหนีขึ้นฝั่งเผ่นไปคนละทิศละทาง นางอิฑาตกเป็นชายาของพระพุธเทพบุตรในวาระนั้นและครองสุขอยู่ด้วยพระพุธฉันภริยาที่ดี กาลเวลาผ่านไปถึงหนึ่งปีเต็ม บัดนี้นางมีครรภ์แก่ใกล้คลอดบุตรถึงคราวที่จะต้องกลับคืนเมืองและจากกัน พระพุธมีความอาลัยในนางยิ่งนัก พานางขึ้นมาส่งบนฝั่งบึง โอมอ่านมนตร์อันศักดิ์สิทธิ์เนรมิตเรือทองขึ้นลำหนึ่ง พระองค์อุ้มนางลงนั่งในสุวรรณนาวาและกล่าวว่า “อิฑาเอ๋ย เราจะจากกัน ณ ที่นี้และคงจะไม่ได้พบกันอีก เจ้าจงกลับไปบ้านเมืองของเจ้า เมื่อคลอดบุตรแล้วจงให้นามลูกของเราว่า ปุรูรวัส เขาจะเป็นปฐมกัษตริย์ราชสกุล จันทรวงศ์ อันสืบสายมาจากพระจันทร์เป็นที่หนึ่ง และตัวเราเป็นที่สอง ราชวงศ์ของเราจะปกครองแผ่นดินลุ่มแม่น้ำยมุนาตลอดจนถึงฟากฝั่งสินธุมหาสาครเป็นเขตแดน และตัวเจ้าเองสืบไปภายหน้า จะได้กลับเป็นชายอีกครั้งและจะมีโอรสกับนางผู้เป็นมหิษี เขาจะได้นามว่า อิษวากุ โอรสของเจ้าผู้นี้แลจะเป็นปฐมกัษตริย์แห่งราชสกุล สูรยวงศ์ ครองอาณาจักร อโยธยาทางลุ่มแม่น้ำสรยุ และอจิรวดี กษัตริย์จันทรวงศ์เกิดจากเจ้าในฐานะเป็นแม่ และกัษตริย์สูรยวงศ์เกิดจากเจ้าในฐานะเป็นพ่อ เจ้าจงจำคำเราไว้ให้ดี ผู้ที่จะช่วยให้เจ้าได้กลับเป็นชายอีกครั้งหนึ่งคือ พระฤษีนารทะ โอรสแห่พระพรหม จงคอยโอกาสของเจ้าเถิด อย่าลืมพระนารทมุนีเป็นอันขาด” ตรัสจบ พระเทพฤษีก็ยกหัตถ์ขึ้นชี้ไปทางทิศตะวันตกอันเป็นที่ตั้งแห่งแว่นแคว้นของนาง เรือทิพย์ก็ลอยเลื่อนไปในท้องฟ้าและลับหายไป (๑) โกกนุท = จากศัพท์ โกก (สุนัข) + นท (เสียง) เป็นชื่อดอกบัวแดงชนิดหนึ่ง ซึ่งบานเวลาสุนัขหอนตอนใกล้รุ่งจาก

อิฑากลับคืนสู่บ้านเมืองด้วยความปลอดภัย และคลอดบุตรเป็นชาย ให้ชื่อว่า ปุรูรวัส จำเนียรกาลสืบมามินาน พระนารทพรหมฤษีผู้เป็นเจ้าแห่งวิชาการดนตรี เดินทางมาเยี่ยมพระมนูไววัสวัต ได้ทราบเรื่องที่เกิดแก่พระสุทยุมน์ หรือนางอิฑาก็มีความสงสาร เรียกอิฑาเข้ามาใกล้และแนะนำว่า “ดูก่อนอิฑา เจ้าประสบเคราะห์กรรมทั้งนี้ ก็เพราะล่วงล้ำเข้าไปในเขตสวนอันเป็นที่หวงห้ามขององค์พระมเหศวรี และเป็นเขตที่พระมเหศวรทรงสาปสรรเอาไว้ กรรมของเจ้าจะลดน้อยลงได้ก็ด้วยการสวดมนตร์ถวายอวค์พระแม่เจ้าเท่านั้น เจ้าจงรู้ไว้เถิด” อิฑาเรียนมหามนตร์ นวากษร จากพระนารทมุนีแล้วไปสู่ป่าพร่ำสวดอ้อนวอนต่อพระอุมาไหมวตี พระเทวีสะดับถ้อยสดุดีแล้วมีความพอพระทัย จึงทูลขอต่อพระศิวะให้ทรงลดคำสาปให้ พระมหาเทพจึงเสด็จมาปรากฎพระองค์ต่อหน้าและตรัสว่า “ดูก่อนอิฑา พระมเหศวรีขอร้องข้าให้ช่วยเหลือเจ้า ข้าเห็นแก่นางจึงจะลดคำสาปลงให้เจ้าตามความประสงค์ของนาง ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจงเป็นหญิงหนึ่งเดือนและชายหนึ่งเดือน สลับกันดังนี้เรื่อยไปจงถึงที่สุดแห่งชีวิตของเจ้า เราช่วยเจ้าได้เท่านี้แหละ” ตรัสเสร็จ องค์พระเป็นเจ้าก็อันตรธานไป นางอิฑา หรือพระสุทยุมน์มีชีวิตเป็นชายและหญิงสลับกันไปครั้งละหนึ่งเดือนตามเทวประกาศิต เมื่อเป็นชาย พระองค์ก็ออกว่าราชการแผ่นดินทำหน้าที่พระราชาตามปกติ และเมื่อถึงระยะอีกหนึ่งเดือนที่กลายร่างเป็นหญิง ก็ประทับอยู่วังใน ไม่ปรากฎตนต่อสาธารณชนและให้พระโอรส ออกว่าราชการแทน กาลเวลาผ่านไปหลายสิบปี เมื่อพระโอรสทั้งสอง มีอายุเหมาะสม ควรจะได้ราไชศวรรย์ พระสุทยุมน์ หรือ อิฑาก็มอบราชสมบัติให้เจ้าชายปุรูรวัสปกครองแว่นแคว้นภาคตะวันตก และเจ้าชายอิกษวากุครองแว่นแคว้นตะวันออก สถาปนาราชสกุลจันทรวงศ์และสูรยวงศ์ขึ้นในโลก เมื่อมอบราไชศวรรค์แล้วท้าวเธอก็สละราชสมบัติ ออกบวชเป็นฤษีกระทำความเพียรอันยิ่งยวดสร้างตบะอันอุตกฤษมุ่งเจตจำนงเฉพาะพระวิษณุเป็นเจ้า ทำให้พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยอย่างสูงสุด พระวิษณุเสด็จประทับหลังพญาเวนไตยมาปรากฎพระองค์เฉพาะหน้าตรัสถามว่า “สุทยุมน์เอ๋ย เจ้าปรารถนาอะไรจากข้า” “โอ้พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงความเมตตาสูงสุด น้ำพระทัยของพระองค์กว้างขวางและลึกซึ้งสุดหยั่ง ข้าพระบาทผู้ต่ำต้อยขอเพียงให้มีโอกาสกลับเป็นชายตลอดไปชั่วชีวิต โดยไม่มีวันกลับมาเป็นหญิงอีก และด้วยประการฉะนี้ข้าพระบาทก็จะไม่ทูลขอสิ่งใดอีกแล้ว ขอเพียงพระองค์ผู้เดียวเป็นที่พึ่งของข้าพระบาท ขอให้ข้าพระบาทบรรลุโมกษะคือความหลุดพ้นในพระองค์นั้นแล พระเจ้าข้า” “ จงเป็นดั่งปรารถนาเถิด” พระวิษณุเป็นเจ้าตรัสแล้วเสด็จขึ้นประทับหลังพญาเทพปักษิณ ทรงหันพระพักตร์มาแย้มพระสรวลด้วยความเมตตา ทอดสายพระเนตรอันอ่อนโยนจับที่ใบหน้าของชายผู้เคราะห์ร้ายมาตลอดชีวิต ก่อนที่จะลับพระองค์ไปจากสายตา จากหนังสือ หริศจันทร์ รวบรวมและเขียนโดย อาจารย์ ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม ๒๕๓๓

ไม่มีความคิดเห็น: